วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับ จอภาพ

จอภาพ หรือ วีดียู [1] (อังกฤษ: visual display unit: VDU) หรือชื่ออื่นเช่น จอคอมพิวเตอร์ จอคอม จอมอนิเตอร์ มอนิเตอร์ จอแสดงผล จอภาพแสดงผล จอภาพแสดงผลคอมพิวเตอร์ จอทีวี จอโทรทัศน์ ฯลฯ คือส่วนหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แสดงรูปภาพให้เห็นจากอุปกรณ์ที่สามารถส่งออกวิดีโอ เช่นคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ ซึ่งรูปภาพที่ปรากฏสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้และไม่คงอยู่อย่างถาวร จอภาพประกอบด้วยส่วนอุปกรณ์ที่แสดงผลให้เห็น และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในที่สร้างรูปภาพจากสัญญาณวิดีโอ อุปกรณ์ที่แสดงผลยุคใหม่จะเป็นจอภาพผลึกเหลวทรานซิสเตอร์แผ่นบาง (thin film transistor liquid crystal display: TFT-LCD) และจอภาพยุคก่อนเป็นหลอดภาพรังสีแคโทด (cathode ray tube: CRT)

เพาเวอร์ซัพพลาย Power Supply

อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรามักจะมองข้ามไปและเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ
เพราะถ้าขาดเจ้าตัวนี้แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของเราก็เปรียบเสมือนกล่องเหล็กธรรมดาๆ
ใช้การอะไรไม่ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็คือ แหล่งจ่ายไฟ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า เพาเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)นั่นเอง

เพาเวอร์ซัพพลายมีหน้าที่หลักก็คือ เปลี่ยนแรงดันกระแสสลับจากไฟบ้าน 220โวลท์เอซี
ี ให้เป็นแรงดันไฟตรงดีซีที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้

แหล่งจ่ายไฟคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือคอมพิวเตอร์พีซีนั้น ส่วนใหญ่จะบรรจุในเคสด้านหลัง
ถ้ามองไปที่หลังเคสจะเห็นก่องเหล็กสี่เหลี่ยมมีช่องเสียบสายไฟและพัดลมเพื่อระบายความร้อน

เพาเวอร์ซัพพลายจะใช้เทคโนโลยีที่เราเรียกว่า สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย
คือการเปลี่ยนแรงดันอินพุตกระแสสลับเอซี ให้เป็นแรงดันตํ่ากระแสตรง
แรงดันที่ออกแบบให้ออกมาจากเพาเวอร์ซัพพลายมีอยู่ทั่วไป 3ระดับคือ
3.3โวลท์ , 5โวลท์ และ 12โวลท์ โดยที่แรงดัน3.3โวลท์และแรงดัน5โวลท์
จะนำไปใช้ในวงจรดิจิตอล ส่วนแรงดัน12โวลท์ถูกนำไปใช้ในการหมุน
มอเตอร์ของดิสท์ไดรฟ์และพัดลมระบายความร้อน

เมื่อหลายปีก่อนบางท่านที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ยุคแรกๆตั้งแต่รุ่น 8088
จนถึงรุ่น 486 คงจะจำได้ว่าสวิตช์เปิดปิดของคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าพวกนี้
จะแตกต่างจากสวิตช์ปิดเปิดคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุว่า
คอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆนั้น จะใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบ AT ซึ่งมีสวิตช
์เพื่อควบคุมการปิดเปิดเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรง และใช้สวิตช์กด
ติดค้างคล้ายๆกับสวิตช์เปิดปิดไฟบ้าน ซึ่งต่างจากคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันจะใช้สวิตช์แบบกดติดปล่อยดับ สวิตช์นี้จะไม่ต่อเข้ากับ
เพาเวอร์ซัพพลายโดยตรงแต่จะต่อกับแผงวงจรเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์
โดยใช้การควบคุมการปิดเปิดจากโปรแกรมปฎิบัติงาน สั่งให้แผงเมนบอร์ด
ปิดเพาเวอร์ซํพพลาย เมื่อเรากดสวิตช์นี้ เมนบอร์ดจะส่งแรงดัน 5โวลท์ไป
ยังส่วนควบคุมในเพาเวอร์ํซัพพลายเพื่อเปิดปิดการทำงานของตัวมัน
แรงดันไฟตรงนี้เราเรียกว่าแรงดัน VSB เพาเวอร์ซัพพลายรุ่นใหม่นี้เราเรียกแบบว่า แบบ ATX

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีสวิตชิ่งในเพาเวอร์ซัพพลายจะเห็นได้ว่ามี
การพัฒนามาตั้งแต่ปี คศ.1980 ในตอนนั้นเพาเวอร์ซัพพลายมีขนาดใหญ่และนํ้าหนักมากที่เป็นเช่นนั้น
เพราะว่าในตัวเพาเวอร์ซํพพลายต้องใช้หม้อแปลงและตัวเก็บประจุ
ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาลดขนาดและนํ้าหนักของเพาเวอร์ซัพพลายลงได้มาก

เทคโนโลยีสวิตชิ่งไม่ใช่แค่นำไปใช้แต่คอมพิวเตอร์เท่านั้น
แต่ยังได้นำไปใช้ในการสร้างไฟกระแสสลับจากไฟตรง12โวลท์ของ
แบตเตอรี่รถยนต์เพื่อไปจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นทีวี วิดีโอ
ดังจะเห็นได้จากรถตู้หรือรถทัวร์เค้าใช้กัน วงจรพวกนี้เราเรียกว่า อินเวอร์เตอร์

เพาเวอร์ซํพพลายที่มีขายตามท้องตลาดนั้นมีหลายราคา หลายกำลังวัตต์ให้เลือก
ตั้งแต่200วัตต์ จนถึง 400วัตต์ขึ้นอยู่กับว่าคอมพิวเตอร์เราใช้ทรัพยากร
หรือว่ามีอุปกรณ์ต่อมากน้อยเพียงใด

อุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ กำลังวัตต์ที่อุปกรณ์ใช้

หน่วยประมวลผล CPU 15 - 45 วัตต์
Mainboard 20 - 30 วัตต์
Hard disk 5 - 15 วัตต์
CD-ROM drive 10 - 25 วัตต์
หน่วยความจำ RAM 5 - 11 วัตต์
Floppy disk drive 5 วัตต์
การ์แสดงผล AGP 20 - 30 วัตต์
การ์ด PCI เช่นการ์ดเสียง 5 วัตต์
การ์ด SCSI 20 - 25 วัตต์
การ์ด LAN 4 วัตต์
พัดลมระบายความร้อน 2 - 4 วัตต์

จะเห็นได้ว่ากำลังไฟทั้งหมดถ้ารวมๆกันแล้วก็ไม่เกิน 250วัตต์ จึงพอเพียงสำหรับ
เพาเวอร์ซํพพลายที่มีขายในปัจจุบัน

ปัญหาที่เราพบบ่อยๆกับเจ้าตัวเพาเวอร์ซํพพลายก็คือความร้อนที่เกิดจากตัวมันเอง
โดยทั่วไปเพาเวอร์ซัพพลายจะมีพัดลมช่วยระบายความร้อน แต่ถ้าพัดลมนั้นเกิดเสื่อมสภาพ
หมุนช้าลงหรือหยุดหมุนไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเพาเวอร์ซัพพลายก็
จะร้อนขึ้นจนอาจจะไหม้ได้ หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะหยุดทำงานพร้อม
กับมีกลิ่นไหม้ตามมา ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรสำรวจพัดลมหรือฟังเสียง
พัดลมของเพาเวอร์ซัพพลาย ถ้าพัดลมหมุนช้าหรือหยุดหมุนไปก็ให้ปิด
เครื่องทันที ถ้ามีฝีมือหน่อยก็ถอดฝาออกมาแล้วก็ซื้อพัดลมขนาดเดียวกัน
มาเปลี่ยนแทน หรือถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ซื้อใหม่ทั้งชุดเลย ปัจจุบันราคาของ
เพาเวอร์ซัพพลายไม่แพงมากนัก อยู่ระหว่างประมาณ 350 ถึง 500บาท
ขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ที่ใช้และรูปแบบของเพาเวอร์ซัพพลาย เวลาเปลี่ยนก็ควร
ปลดสายไฟออกทั้งหมดก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมา

ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตเมนบอร์ดจึงได้สร้างเมนบอร์ที่สามารถอ่านค่าความเร็วของ
พัดลมทุกตัวในคอมพิวเตอร์ รวมทั้งพัดลมของเพาเวอร์ซํพพลายด้วย
โดยเมื่อพัดลมหมุนช้าลง หน่วยควบคุมในเมนบอร์ดก็จะส่งสัญญาณผ่าน
โปรแกรมมอนิเตอร์เตือนผู้ใช้ที่หน้าจอ ก่อนที่จะดับเครื่องตัวเอง
เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมา


ขนาดจอภาพ
เพาเวอร์ซัพพลาย: ATX 2.0 400W
เพาเวอร์ซัพพลาย สำหรับคอมพิวเตอร์ระดับ Intel Pentium4 ที่ใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมจากมาตรฐาน เช่นการเพิ่มเติม ฮาร์ดดิสก์, ดีวีดีรอม, การ์ดวีจีเอประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในงานดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ตกแต่งภาพ เป็นต้น
เพาเวอร์ซัพพลาย

คุณสมบัติ

  • เพาเวอร์ซัพพลาย ขนาด 400W
  • มาตรฐาน ATX 12V 2.0
  • ประสิทธิภาพสูงสุด
  • เสียงรบกวนต่ำ
  • ปิดเปิด แบบรีโมทได้
  • ควบคุมความเร็วพัดลมได้
  • ระบบป้องกันการลัดวงจร (SCP - Short Circuit Protection)
  • ระบบป้องกันแรงดันไฟเกิน (OVP - Over Voltage Protection
  • ระบบป้องกันกระแสไฟเกิน (OCP - Over current protection)
  • Active PFC (Full-range) ตามมาตรฐาน EN61000-3-2
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...
เพาเวอร์ซัพพลาย: ATX 2.0 300W
เพาเวอร์ซัพพลาย สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้อุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับงานในสำนักงาน หรือคอมพิวเตอร์ราคาประหยัด
เพาเวอร์ซัพพลาย

คุณสมบัติ

  • เพาเวอร์ซัพพลาย ขนาด 300W
  • combined power output ของ +5V & +3.3V รวมกันสูงสุด 120W
  • combined power output ของ +5V, +3.3V, +12V1 & +12V2 รวมกันสูงสุด 290W
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...
เพาเวอร์ซัพพลาย: ATX 2.0 350W
เพาเวอร์ซัพพลาย สำหรับคอมพิวเตอร์ระดับ Intel Pentium4 ที่ใช้อุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับงานในสำนักงาน หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อการดูหนัง ฟังเพลง
เพาเวอร์ซัพพลาย
คุณสมบัติ
  • เพาเวอร์ซัพพลาย ขนาด 350W
  • combined power output ของ +5V & +3.3V รวมกันสูงสุด 130W
  • combined power output ของ +5V, +3.3V, +12V1 & +12V2 รวมกันสูงสุด 340W
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...
เพาเวอร์ซัพพลาย: Power Gold 500W
เพาเวอร์ซัพพลาย สำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการความมั่นใจว่า เพาเวอร์ซัพพลาย จะสามารถรองรับอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีการสะดุด โดยสนับสนุนเทคโนโลยี SLi Multi-GPU ของ Nvidia และยังสามารถสนับสนุน EPS 12V เพื่อใช้เป็น เพาเวอร์ซัพพลาย ของ เซอร์เวอร์ ได้ด้วย
เพาเวอร์ซัพพลาย
คุณสมบัติ
  • เพาเวอร์ซัพพลาย ขนาด 500W
  • เคสโลหะนิเกิลเงา
  • พัดลม ball-bearing พร้อมไป LED สีฟ้า
  • Active PFC
  • พัดลมระบายความร้อนอัจฉริยะ
  • ต่อ SATA ได้ 4 ตัว
  • หัว 6 pin ต่อ PCI-E VGA Card
  • สนับสนุนมาตรฐาน ATX 12V v2.0/Intel EPS 12V v2.1 และ AMD-GES
  • สาย +12V อิสระ 3 สาย
  • หัวต่อเมนบอร์ด 24 pin
  • สนับสนุนเทคโนโลยี SLi Multi-GPU
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...
เพาเวอร์ซัพพลาย: Intelligent Power 450W
เพาเวอร์ซัพพลาย 450 วัตต์รุ่นนี้ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการ เพาเวอร์ซัพพลาย ที่มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการทำงานหนักได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันก็เหมาะสำหรับนักเล่นเกม ที่ต้องการประหยัดงบประมาณ และยังคงได้ประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับ เพาเวอร์ซัพพลาย รุ่นใหญ่
เพาเวอร์ซัพพลาย
คุณสมบัติ
  • เพาเวอร์ซัพพลาย ขนาด 450W
  • 230V Active PFC
  • มาตรฐาน Intel ATX 12V V 2.0 และ Intel EPS 12V V2.1
  • สนับสนุน Intel LGA775 Prescott Pentium 4 และ AMD Athlon 64
  • สาย +12V1, +12V2 ( 2 ชุด)
  • สนับสนุนมาตรฐาน BTX
  • หัวต่อเมนบอร์ด 24pin
  • เสียงเงียบ
  • ความร้อนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีการควบคุมพัดลม แบบ intelligent-thermal
  • สาย +12V ให้กระแสไฟที่มากกว่า เพื่อรองรับการขยายฮาร์ดแวร์
  • ระบบป้องกัน OVP (Over Voltage Protection) และ OCP (Over Current Protection) แยกอิสระ

ขนาดของจอภาพจะวัดจากมุมหนึ่งของจอ ไปยังอีกมุมหนึ่งในแนวทแยงที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่ปัญหาหนึ่งของการวัดแบบนี้คือไม่สามารถแยกแยะได้ว่าจอภาพจะมีอัตราส่วนลักษณะ (aspect ratio) เท่าใด แม้ว่าจะมีขนาดทแยงมุมเท่ากัน เนื่องด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะมีพื้นที่น้อยกว่ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อกำหนดให้เส้นทแยงมุมยาวเท่ากัน ตัวอย่างเช่น จอภาพ 21 นิ้วในอัตราส่วน 4:3 มีพื้นที่ประมาณ 211 ตารางนิ้ว ในขณะที่จอภาพไวด์สกรีน 21 นิ้วในอัตราส่วน 16:9 จะมีพื้นที่แสดงผลเพียง 188 ตารางนิ้วเท่านั้น

การวัดด้วยวิธีนี้มาจากโทรทัศน์แบบหลอดภาพชนิดเริ่มแรก เนื่องจากหลอดภาพในสมัยนั้นเป็นรูปวงกลมโดยปกติ เมื่อเอ่ยถึงขนาดของหลอดภาพก็เพียงวัดขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของรูปวงกลม และเมื่อหลอดภาพวงกลมต้องแสดงภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม การวัดระยะเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมก็เทียบเท่ากับการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดภาพเพื่อให้ภาพเต็มจอพอดี วิธีการนี้ก็ยังใช้กันเรื่อยมาแม้ว่าหลอดภาพจะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมโค้งมนแทน

อีกปัญหาหนึ่งคือการวัดขนาดหน่วยแสดงผลของจอภาพโดยตรง ซึ่งเป็นขนาดเพื่อการโฆษณาสินค้าและพบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะกับหลอดภาพรังสีแคโทด จะมีหน่วยแสดงผลส่วนหนึ่งซึ่งถูกบดบังตามขอบจอเพื่อซ่อนส่วนที่อยู่นอกพื้นที่ปลอดภัย เรียกว่าโอเวอร์สแกน (overscan) ดังนั้นขนาดที่ได้เห็นจริงจึงมีพื้นที่น้อยว่าขนาดที่โฆษณาอยู่เล็กน้อย ลูกค้าที่ซื้อไปใช้รู้สึกว่าถูกหลอกจึงมีการร้องเรียนอย่างกว้างขวาง และหลายคดีก็ตัดสินว่าให้ผู้ผลิตจอภาพต้องวัดขนาดพื้นที่ที่แสดงผลได้จริง แทนที่จะวัดจากขนาดของหลอดภาพ

เทคโนโลยีการฉายภาพ

จอคอมพิวเตอร์แบบหลอดภาพ 19 นิ้วของวิวโซนิก (หลอดภาพขนาด 48.3 ซม. มองเห็นได้ 45.9 ซม.) ดูคล้ายโทรทัศน์

เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันหลายอย่าง มีขึ้นเพื่อใช้ส่งออกภาพวิดีโอที่สร้างจากคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์

การวัดประสิทธิภาพ

การวัดระดับพิกเซล บนจอภาพที่จัดเรียงพิกเซลต่างกัน

ประสิทธิภาพของจอภาพสามารถวัดได้จากหลายปัจจัยดังนี้

  • ความส่องสว่าง วัดในหน่วยแคนเดลาต่อตารางเมตร
  • ขนาดของจอภาพ วัดความยาวตามแนวทแยง สำหรับหลอดภาพ บริเวณที่เห็นภาพมักจะเล็กกว่าขนาดของหลอดภาพอยู่หนึ่งนิ้ว
  • อัตราส่วนลักษณะ คืออัตราส่วนของพิกเซลในแนวนอนต่อแนวตั้ง อัตราส่วนปกติคือ 4:3 เช่นจอภาพที่กว้าง 1024 พิกเซล จะสูง 768 พิกเซล ถ้าเป็นจอภาพไวด์สกรีน จะมีอัตราส่วนเป็น 16:9 ดังนั้นจอภาพที่กว้าง 1024 พิกเซล จะสูง 576 พิกเซล
  • ความละเอียดจอภาพ คือจำนวนพิกเซลตามความกว้างและความสูงที่สามารถแสดงผลได้ (ไม่ได้หมายถึงพิกเซลที่กำลังแสดงผลภาพอยู่ในปัจจุบัน) ความละเอียดที่มากที่สุดถูกจำกัดโดยระดับพิกเซล (ดูถัดไป)
  • ระดับพิกเซล คือระยะระหว่างพิกเซลสีเดียวกันในหน่วยมิลลิเมตร หากระดับพิกเซลน้อยลง ภาพจะมีความคมชัดมากขึ้น
  • อัตรารีเฟรช คือจำนวนครั้งในหนึ่งวินาทีที่ภาพนั้นถูกฉายลงบนหน้าจอ อัตรารีเฟรชที่มากที่สุดถูกจำกัดโดยเวลาตอบสนอง (ดูถัดไป)
  • เวลาตอบสนอง คือเวลาที่ใช้ไปขณะพิกเซลเปลี่ยนจากสีดำไปเป็นสีขาว และกลับมาเป็นสีดำอีกครั้ง วัดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าที่น้อยลงหมายความว่าจอสามารถเปลี่ยนภาพได้เร็วขึ้น และหลงเหลือภาพก่อนหน้าน้อยกว่า
  • อัตราส่วนความแตกต่าง คืออัตราส่วนความส่องสว่างของสีที่สว่างที่สุด (สีขาว) ต่อสีที่มืดที่สุด (สีดำ) ที่จอภาพนั้นสามารถสร้างได้
  • การใช้พลังงาน วัดในหน่วยวัตต์
  • มุมในการมอง คือมุมที่มากที่สุดที่หันเหหน้าจอออกไปแล้วยังสามารถมองเห็นได้ โดยภาพที่ปรากฏยังไม่ลดคุณภาพ เช่นสีเพี้ยนเป็นต้น วัดในหน่วยองศาตามแนวดิ่งและแนวราบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น